ในคำพิพากษาสำคัญที่ศาลอาญา ถ. รัชฎาภิเษก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สารรัต รังสิวุธพร อายุ 36 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แอม ไซยาไนด์” ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาฆ่าโดยเจตนาของนางสิริพร ขันธ์ วัย 32 ปี
ศาลตัดสินให้ “แอม ไซยาไนด์” มีความผิดฐานวางยาพิษนายขันธ์วงศ์ ด้วยโปแตสเซียมไซยาไนด์ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 โดยปนเปื้อนในของใช้อุปโภคบริโภค หลังก่อเหตุฆาตกรรม เธอยังขโมยทรัพย์สินของเหยื่อมูลค่า 154,630 บาท
จำเลยอีก 2 ราย ถูกตัดสินว่ามีความผิดในฐานะผู้ร่วมขบวนการ ได้แก่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังษีวุฒาพร อายุ 40 ปี อดีตสามีของจำเลยและอดีตรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสวนผึ้ง ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน ในความผิดฐานทำลายหลักฐาน ส่วนทนายธัญณิชา เอกสุวรรณวัฒน์ อายุ 36 ปี ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
แม้ว่าจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ศาลก็ดำเนินการตัดสินลงโทษตามพยานหลักฐานที่นำเสนอ ขณะที่แอม ไซยาไนด์ยังคงถูกควบคุมตัวที่เรือนจำกลางหญิงกลาง จำเลยร่วมทั้งสองได้รับการประกันตัวคนละ 100,000 บาท
จำเลยไม่แสดงอาการสำนึกผิดการอ่านคำพิพากษาคดี Am Cyanide ซึ่งกินเวลานาน 3 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งดำเนินไปตั้งแต่เวลา 9.30 น. ถึง 12.30 น. พบว่าผู้ที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน Am Cyanide ซึ่งถูกนำตัวมาจากเรือนจำหญิงกลางไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ในระหว่างการดำเนินคดี เธอและจำเลยร่วม รวมทั้ง Pach จำเลยที่ 3 ถูกสังเกตเห็นว่าพูดคุยและหัวเราะกันตลอดการพิจารณาคดี
ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมถึงนางทองปิน ต่างหลั่งน้ำตาด้วยความโล่งใจหลังได้ยินคำตัดสินของศาล โดยนางทองปินได้กล่าวผ่านบทสัมภาษณ์หลังคำตัดสินว่า “ความยุติธรรมได้รับการตอบสนองแล้ว ขอให้ไปสู่สุคติ คุณไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว”
นางทองปิน เผยยังคงโกรธแค้นฆาตกรที่ฆ่าลูกสาว โดยระบุว่า เมื่อเห็นแอมไซยาไนด์ จำเลยก็ไม่แสดงอาการสำนึกผิดแต่อย่างใด
คำพิพากษาครั้งแรกในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องการเสียชีวิตอย่างลึกลับของ สิริพร ขันธ์วงศ์ ทำให้เกิดการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่น่าตกตะลึงที่สุดคดีหนึ่งของประเทศไทย เมื่อครอบครัวของขันธ์วงศ์ไม่ยอมรับการเสียชีวิตของเธอว่าเป็นสาเหตุตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้ค้นพบรูปแบบที่น่าวิตกกังวลที่เชื่อมโยงสารัช รังษีวุธพร ซึ่งตั้งครรภ์ในขณะนั้น กับการเสียชีวิตที่น่าสงสัยหลายกรณี
ตำรวจได้สอบสวนคดีนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นหัวหน้าคณะสอบสวน โดยใช้เวลาสอบสวนนาน 3 เดือน ซึ่งรวมถึงการสัมภาษณ์พยานกว่า 900 คน และการตรวจสอบเอกสารกว่า 26,500 ฉบับ การสอบสวนครั้งนี้เผยให้เห็นรูปแบบการฆาตกรรมที่น่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
จากผลการตรวจสอบของตำรวจ พบว่า Am Cyanide เป็นผู้ก่อเหตุวางยาพิษ 15 คดีใน 8 จังหวัด ระหว่างปี 2558-2566 โดยในจำนวนนี้ ผู้เสียชีวิต 14 ราย มีผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย
นักอาชญาวิทยาสังเกตว่ากรณีนี้สอดคล้องกับรูปแบบทั่วไปของฆาตกรต่อเนื่องหญิงซึ่งแรงจูงใจมักเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเงินจากคนในแวดวงของตน ซึ่งแตกต่างจากฆาตกรต่อเนื่องชายซึ่งมักมีแรงจูงใจทางเพศและเล็งเป้าไปที่เหยื่อแบบสุ่ม
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า คำพิพากษานี้ถือเป็นคำพิพากษาแรกในบรรดาคดีต่างๆ ของแอม ไซยาไนด์ เขาอธิบายว่าคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งนำหลักฐานจากคดีที่เกี่ยวข้องมาใช้ อาจเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีในอนาคต
คดีนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งสังคมไทย โดยถือเป็นคดีวางยาพิษที่ฉาวโฉ่ที่สุดคดีหนึ่งของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังเน้นย้ำถึงลักษณะที่ซับซ้อนของอาชญากรรม รวมทั้งช่วงเวลาอันยาวนานในการก่ออาชญากรรมเหล่านี้